อุตสาหกรรมค้าปลีกในประเทศไทยกำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภคที่สะท้อนถึงแนวโน้มที่เกิดขึ้นในระดับโลก การดิจิทัลในประสบการณ์การซื้อสินค้า ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับความยั่งยืน และการปรับแต่งบริการต่างๆ เป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงนี้ บริษัทค้าปลีกในประเทศไทยกำลังมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ที่เป็นนวัตกรรมเพื่อให้ทันกับการแข่งขันและตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้บริโภคในปัจจุบัน บทความนี้จะสำรวจวิธีที่ผู้ค้าปลีกในประเทศไทยกำลังปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ในพฤติกรรมผู้บริโภค
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดในพฤติกรรมผู้บริโภคคือความนิยมที่เพิ่มขึ้นของการช้อปปิ้งออนไลน์ เมื่อการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและการใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น การซื้อสินค้าออนไลน์จึงกลายเป็นวิธีที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกใช้ การระบาดของโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ และผู้บริโภคจำนวนมากยังคงเลือกซื้อออนไลน์แม้หลังจากที่มีการยกเลิกข้อจำกัดแล้ว ผู้ค้าปลีกในประเทศไทยตอบสนองโดยการพัฒนาพื้นที่ออนไลน์ของตนให้ดียิ่งขึ้น บริษัทต่างๆ เช่น กลุ่มเดอะมอลล์และสยามพิวรรธน์ได้ผนวกทั้งร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นยิ่งขึ้น พวกเขาเสนอฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การสนทนาออนไลน์ การลองสินค้าแบบเสมือนจริง และระบบการชำระเงินที่ครบวงจร เพื่อยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์
การตอบสนองต่อความตระหนักทางสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค ผู้ค้าปลีกหลายรายในประเทศไทยเริ่มนำความยั่งยืนมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของโมเดลธุรกิจของตน ผู้บริโภคในปัจจุบันเริ่มให้ความสำคัญกับว่าแบรนด์ต่างๆ ผลิตสินค้าอย่างไร มาตรฐานทางจริยธรรมของบริษัท และผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการซื้อสินค้า การเปลี่ยนแปลงนี้ได้ผลักดันให้ผู้ค้าปลีกต้องพิจารณาใหม่เกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทาน กระบวนการบรรจุภัณฑ์ และแหล่งที่มาของสินค้า ร้านค้าปลีกเช่นโรบินสันและแม็คโครกำลังลงทุนในสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน นอกจากนี้ แบรนด์อย่างท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตก็ได้มีการเสนอสินค้าที่มาจากแหล่งที่ยั่งยืนหรือได้รับการรับรองจากออร์แกนิกเพื่อตอบสนองต่อกระแสการบริโภคอย่างมีสติที่เพิ่มขึ้น
การปรับแต่งประสบการณ์ในการซื้อสินค้าก็ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย ผู้ซื้อคาดหวังประสบการณ์ที่ถูกปรับแต่งตามความต้องการของแต่ละคน และผู้ค้าปลีกกำลังใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ในการมอบประสบการณ์การซื้อที่ตรงกับความชอบของลูกค้า ตัวอย่างเช่น การใช้ AI และแมชชีนเลิร์นนิงทำให้บริษัทค้าปลีกสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าและเสนอแนะสินค้า โปรโมชั่น และโฆษณาที่ปรับตามแต่ละบุคคล ซึ่งช่วยให้การขายเพิ่มขึ้นและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ตัวอย่างเช่น เซ็นทรัลกรุ๊ปได้ทำงานอย่างหนักในการใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อปรับปรุงการเลือกสินค้า กลยุทธ์การตลาด และการนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ปรับให้เหมาะสมทั้งออนไลน์และในร้าน







